เปลี่ยนแบตเตอรี่

นอกสถานที่ 24 ชม.

phone 089-485-2222

มีสาขามากกว่า 100 สาขา

ครอบคลุมทั่วประเทศเร็วๆ นี้

ชนิดของแบตเตอรี่

อัพเดทล่าสุด : 28-10-2567 15:32:23

แบ่งตามลักษณะการคลายประจุได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่

       1. แบตเตอรี่ที่สามารถปล่อยประจุ(กระแส)ไฟฟ้าได้น้อย(Shallow-Cycle Battery) คือแบตเตอรี่ที่ออกแบบมาให้ปล่อยประจุไฟฟ้าได้ประมาณ 10-20 เปอร์เซนต์ของประจุไฟฟ้ารวมก่อนจะทำการชาร์จประจุใหม่ การปล่อยประจุไฟฟ้าจะมีหน่วยเป็นแอมอาวด์(Ahr) , 100 Ahr หมายถึงแบตเตอรี่สามารถปล่อยประจุกระแสไฟฟ้า 100 หน่วยได้ 1 ชั่วโมง(ในความเป็นจริงไม่สามารถทำอย่างนั้นได้เพราะเมื่อปล่อยประจุจากแบตเตอรี่จนหมด แบตเตอรี่จะเสียทันที) – ตัวอย่างถ้ามีแบตเตอรี่แบบปล่อยประจุได้น้อย(Shallow cycle battery) ที่สามารถปล่อยประจุไฟฟ้าได้ 100 แอมอาวด์อยู่หนึ่งตัว แบตเตอรี่ตัวนี้ควรที่จะปล่อยประจุไฟฟ้า(หรือใช้กระแสไฟฟ้า) ได้เพียง 10-20 แอมอาวด์ หลังจากนั้นจะต้องทำการชาร์จประจุให้เต็มก่อนการคลายประจุครั้งต่อไป ถ้าการปล่อยประจุมากเกินกว่าที่กำหนดไว้ เช่นทำการปล่อยประจุที่ 50 แอมอาวด์ จะทำให้แบตเตอรี่มีอายุการที่ใช้งานที่สั้นลง(เสื่อมเร็ว)อย่างมากเช่นตามสเปคอายุการใช้งานของแบตเตอรี่สามารถชาร์จได้ 3000 ครั้งอาจจะลดเหลือเพียงแค่ 1000 ครั้ง ดังนั้นการออกแบบระบบโดยรวมควรคำนึงถึงลักษณะการปล่อยประจุไฟฟ้าของแบตเตอรี่ด้วย

       2. แบตเตอรี่ที่สามารถปล่อยประจุ(กระแส)ไฟฟ้าได้มาก(Deep-Cycle Battery) คือแบตเตอรี่สามารถปล่อยประจุได้ถึง 60-80 เปอร์เซนต์ของประจุรวมก่อนที่จะทำการชาร์จประจุใหม่ ส่วนมากแล้วจะนำมาใช้กับระบบผลิตพลังงานไฟฟ้าในบ้านพักอาศัย แบตเตอรี่ชนิดนี้จะมีราคาที่สูงกว่าแบบแรกมาก แต่ใช้เพียงไม่กี่ตัวก็สามารถทดแทนประจุไฟฟ้ารวมจากแบตเตอรี่แบบแรกได้ แบตเตอรี่แบบนี้จะมีความคุ้มค่าในระยะยาว

 

แบ่งตามชนิดได้เป็น 8 ประเภท ได้แก่

1. แบตเตอรี่น้ำ (WET)
       แบตเตอรี่น้ำ คือ แบตเตอรี่ชนิดตะกั่วกรดที่ถูกใช้งานในรถยนต์ทั่วไป มีส่วนประกอบภายในคือโลหะผสมระหว่างตะกั่วกับพลวง แบตเตอรี่ชนิดน้ำเป็นประเภทแบตเตอรี่ที่เหมาะสมกับคนที่ใช้งานรถเป็นประจำ มีเวลาในการดูแลรักษารถ เพราะต้องคอยตรวจสอบและเติมน้ำกลั่นให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเสมอ หากละเลยขาดการดูแล แบตเตอรี่ก็จะมีปัญหาและมีอายุการใช้งานที่สั้นกว่าปกติ

       ข้อดีของแบตเตอรี่น้ำ

  • ราคาถูกเนื่องจากเป็นแบตเตอรี่มาตรฐานที่ถูกใช้งานในรถยนต์ทั่วไป
  • มีอายุการใช้งานที่ยาวนานหากมีการดูแลรักษาแบตเตอรี่ที่ถูกต้อง
  • มีความทนทานต่อการประจุไฟเกินและคายประจุ

       ข้อเสียของแบตเตอรี่น้ำ

  • ต้องคอยตรวจเช็กและเติมน้ำกลั่นให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเสมอ
  • มีค่าแอมป์และค่า CCA ที่ต่ำกว่าแบตเตอรี่แห้งและแบตเตอรี่ชนิดอื่น ๆ (ในบางรุ่น)
  • อาจมีการรั่วไหลของสารละลายภายใน หากเคลื่อนย้ายตัวแบตฯอย่างไม่ถูกต้อง

2. แบตเตอรี่แห้ง (SMF, Sealed Maintenance Free)
       แบตเตอรี่แห้งถือเป็นประเภทแบตเตอรี่ที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เพราะมันเป็นแบตเตอรี่ที่ใช้งานง่าย ดูแลง่าย ไม่ยุ่งยากซับซ้อน ไม่ต้องเติมน้ำกลั่นตลอดอายุการใช้งาน ทำให้เหมาะกับเจ้าของรถที่ไม่มีเวลาในการดูแลรักษา ตอบโจทย์ชีวิตผู้คนในยุคปัจจุบันมากที่สุด แต่ตัวแบตฯมีราคาค่อนข้างสูง แพงกว่าแบตเตอรี่น้ำและแบตเตอรี่กึ่งแห้งในระดับหนึ่ง

       ข้อดีของแบตเตอรี่แห้ง

  • ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น ใช้งานง่าย ดูแลรักษาง่าย
  • มีค่าแอมป์และค่า CCA ที่สูงกว่าแบตเตอรี่น้ำ
  • มีคุณภาพ ได้รับมาตรฐานเท่ากันทุกลูก เพราะชาร์จไฟและเติมน้ำกรดมาเรียบร้อยจากโรงงานผลิต

       ข้อเสียของแบตเตอรี่แห้ง

  • มีราคาที่ค่อนข้างสูงกว่าแบตเตอรี่น้ำและแบตเตอรี่กึ่งแห้ง
  • อาจเกิดปัญหาเรื่องความชื้นเข้าไปในตัวแบตเตอรี่ หากซีลที่ปิดผนึกรระบายอากาศหลุดออก
  • หากรูระบายอากาศของตัวแบตฯเกิดการอุดตัน ก็อาจส่งผลให้เกิดปัญหาแรงดันในตัวแบตเตอรี่ได้

3. แบตเตอรี่กึ่งแห้ง (MF, Maintenance Free)
       แบตเตอรี่กึ่งแห้ง หรือ แบตเตอรี่ MF เป็นแบตเตอรี่ที่มีความคล้ายคลึงกับแบตเตอรี่แห้ง แต่มีรูให้สามารถเติมน้ำกลั่นได้เหมือนกับแบตเตอรี่น้ำ มีอายุการใช้งานอยู่ที่ประมาณ 3 ปี ไม่จำเป็นต้องดูแลรักษาบ่อยเหมือนแบตเตอรี่น้ำ แค่หมั่นเติมน้ำกลั่นปีละ 1-2 ครั้งก็เพียงพอแล้ว ถือเป็นอีกหนึ่งประเภทแบตเตอรี่ที่ใช้งานง่าย ราคาไม่สูงมาก และมีขั้นตอนการดูแลรักษาที่ไม่ยุ่งยากจนเกินไป

       ข้อดีของแบตเตอรี่กึ่งแห้ง

  • ตัวแบตเตอรี่มีการป้องกันการระเหยของน้ำกลั่นภายในเป็นอย่างดี ทำให้ผู้ใช้รถไม่ต้องเสียเวลาเติมน้ำกลั่นบ่อย ๆ
  • ความทนทานสูง มีอายุการใช้งานที่ค่อนข้างนานแม้จะน้อยกว่าแบตเตอรี่น้ำ
  • ราคาถูกกว่าแบตเตอรี่แห้ง

       ข้อเสียของแบตเตอรี่กึ่งแห้ง

  • แม้จะมีการป้องกันการระเหยของน้ำกลั่นเป็นอย่างดี แต่ผู้ใช้รถก็ยังต้องคอยเติมน้ำกลั่นอยู่บ้างตามระยะเวลาที่กำหนดไว้
  • อายุการใช้งานอาจไม่ยาวนานเท่าแบตเตอรี่น้ำ
  • มีราคาที่สูงกว่าแบตเตอรี่น้ำในบางรุ่น

4. แบตเตอรี่ไฮบริด (Hybrid)
       แบตเตอรี่ไฮบริด เป็นประเภทแบตเตอรี่ที่ถูกพัฒนาขึ้นจากแบตเตอรี่น้ำ มีโครงสร้างภายในประกอบไปด้วยโลหะผสมระหว่างตะกั่วกับแคลเซียมเฉพาะแผ่นธาตุลบ ทำให้อัตราการระเหยของน้ำกลั่นในแบตเตอรี่ชนิดนี้น้อยกว่าแบตเตอรี่น้ำหลายเท่า เจ้าของรถจึงไม่ต้องเสียเวลาเติมน้ำกลั่นบ่อย เหมาะกับรถที่ใช้งานหนัก ๆ เช่น รถบรรทุก รถโดยสาร หรือรถรับจ้างทั่วไป เป็นต้น

       ข้อดีของแบตเตอรี่ไฮบริด

  • มีความทนทานสูง ใช้งานได้ยาวนานโดยไม่ต้องเติมน้ำกลั่นบ่อย ๆ
  • มีค่า CCA ที่สูงกว่าแบตเตอรี่น้ำ
  • ราคาถูกกว่าแบตเตอรี่แห้ง

       ข้อเสียของแบตเตอรี่ไฮบริด

  • แม้จะใช้งานได้อย่างยาวนาน แต่เจ้าของรถก็ยังต้องคอยเติมน้ำกลั่นตามระยะเวลาที่กำหนดไว้
  • มีราคาแพงกว่าแบตเตอรี่น้ำในบางรุ่น
  • มักใช้กับรถขนาดใหญ่มากกว่ารถยนต์ธรรมดาทั่วไป

5. แบตเตอรี่เจล (GEL)
       แบตเตอรี่เจลเป็นประเภทแบตเตอรี่ที่ถูกพัฒนาขึ้นจากแบตเตอรี่ชนิดตะกั่วกรด สามารถกักเก็บพลังงานไฟฟ้าได้ดีกว่าแบตเตอรี่ทั่วไปถึง 20% มีคุณสมบัติและประสิทธิภาพโดยรวมเหนือกว่าแบตเตอรี่น้ำ ทำให้ตัวแบตฯมีราคาที่ค่อนข้างสูงและแพงกว่าพอสมควร แบตเตอรี่ชนิดนี้มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน มีความทนทานสูง ไม่ต้องเติมน้ำกลั่นหรือพึ่งพาการดูแลรักษาอะไรที่ยุ่งยาก

       ข้อดีของแบตเตอรี่เจล

  • ใช้งานง่าย ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น มีขั้นตอนการดูแลรักษาที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน
  • กักเก็บพลังงานได้ดีกว่าแบตเตอรี่น้ำและแบตเตอรี่ชนิดอื่น(ในบางรุ่น)
  • มีความสามารถในการกระจายความร้อนที่ค่อนข้างสูง
  • ทนทานและมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าแบตเตอรี่ทั่วไปหลายเท่า

       ข้อเสียของแบตเตอรี่เจล

  • แม้จะมีขั้นตอนการดูแลรักษาที่ไม่ยุ่งยาก แต่เจ้าของรถก็ยังจำเป็นต้องหมั่นตรวจเช็กสภาพและทำความสะอาดตัวแบตเตอรี่อย่างสม่ำเสมอ
  • มีราคาแพงกว่าแบตเตอรี่น้ำพอสมควร

6. แบตเตอรี่ AGM (Absorbent Glass Mat)
       แบตเตอรี่ AGM เป็นแบตเตอรี่ชนิดใยแก้วที่ถูกผลิตขึ้นเพื่อรองรับระบบรถยนต์ที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยและมีประสิทธิภาพสูงในปัจจุบัน ถือเป็นแบตเตอรี่พร้อมใช้งานที่มีการเติมน้ำกรดและอัดไฟมาให้เรียบร้อยจากโรงงานผลิต ไม่ต้องคอยเติมน้ำกลั่น สามารถจ่ายไฟได้อย่างเสถียรและทำงานได้อย่างต่อเนื่องยาวนาน มีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3-6 ปี เรามักจะพบแบตเตอรี่ชนิดนี้ในรถยุโรปรุ่นใหม่ ๆ เสียเป็นส่วนใหญ่ ราคาของตัวแบตฯจึงค่อนข้างแพงและสูงกว่าแบตเตอรี่ชนิดอื่นพอสมควร

       ข้อดีของแบตเตอรี่ AGM

  • รองรับเทคโนโลยีทางฝั่งยุโรปเป็นหลัก
  • สตาร์ทเครื่องยนต์ได้มากกว่า SMF*5 เท่า
  • ไม่ต้องเติมน้ำกลั่นตลอดอายุการใช้งาน
  • มีค่าแอมป์และค่า CCA อยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง
  • สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้อย่างเสถียรและคงที่
  • มีความทนทานต่อการคายประจุไฟฟ้าที่สูง ทำให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน
  • ชาร์จกระแสไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็ว ลดเวลาในการชาร์จได้หลายเท่าตัวหากเทียบกับแบตเตอรี่ชนิดอื่น

       ข้อเสียของแบตเตอรี่ AGM

  • ราคาสูงเมื่อเทียบกับแบตเตอรี่กรดตะกั่วทั่ว ๆ ไป
  • ต้องหมั่นตรวจเช็กสภาพแบตเตอรี่อย่างสม่ำเสมอ เพราะหากตัวแบตฯมีปัญหา บางอย่างก็ไม่สามารถซ่อมแซมหรือแก้ไขได้ จำเป็นต้องซื้อและเปลี่ยนแบตฯเป็นลูกใหม่เพียงอย่างเดียว

7. แบตเตอรี่ EFB (Enhance Flood Battery)
       แบตเตอรี่ EFB รองรับการใช้งานในสภาพที่มีการชาร์จไฟบางส่วน และไม่จำเป็นต้องใช้คุณลักษณะคายประจุแบบ Deep-cycling ของแบตเตอรี่ AGM เทคโนโลยีนี้ใช้การเพิ่มวัสดุที่เป็นผ้าบางจากเส้นใยโพลีเข้าไปในพื้นผิวของเพลทที่เป็นบวก สิ่งนี้ช่วยสร้างความเสถียรของสารประกอบบนแผ่นธาตุ ซึ่งช่วยเพิ่มความทนทาน

       ข้อดีของแบตเตอรี่ EFB

  • รองรับเทคโนโลยีทางฝั่งเอเชียเป็นหลัก
  • สตาร์ทเครื่องยนต์ได้มากกว่า SMF*3 เท่า
  • ไม่ต้องเติมน้ำกลั่นตลอดอายุการใช้งาน
  • มีค่าแอมป์และค่า CCA อยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง
  • สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้อย่างเสถียรและคงที่
  • มีความทนทานต่อการคายประจุไฟฟ้าที่สูง ทำให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน
  • ชาร์จกระแสไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็ว ลดเวลาในการชาร์จได้หลายเท่าตัวหากเทียบกับแบตเตอรี่ชนิดอื่น

       ข้อเสียของแบตเตอรี่ EFB

  • ราคาสูงเมื่อเทียบกับแบตเตอรี่กรดตะกั่วทั่ว ๆ ไป
  • ต้องหมั่นตรวจเช็กสภาพแบตเตอรี่อย่างสม่ำเสมอ เพราะหากตัวแบตฯมีปัญหา บางอย่างก็ไม่สามารถซ่อมแซมหรือแก้ไขได้ จำเป็นต้องซื้อและเปลี่ยนแบตฯเป็นลูกใหม่เพียงอย่างเดียว

8. แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน
       แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน เป็นแบตเตอรี่ที่ถูกพัฒนาขึ้นให้มีขนาดเล็กและมีประสิทธิภาพการทำงานที่สูงกว่าแบตเตอรี่ชนิดอื่น ๆ สามารถเก็บประจุไฟฟ้าได้นานกว่า มีอัตราการชาร์จที่รวดเร็ว พร้อมจ่ายไฟได้อย่างเสถียรและคงที่ อีกทั้งยังไม่มีส่วนประกอบที่เป็นอันตรายต่อธรรมชาติและมนุษย์ เช่น ของเหลว กรด หรือตะกั่ว เราจึงมักพบแบตเตอรี่ประเภทนี้ในรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเสียเป็นส่วนใหญ่

       ข้อดีของแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน

  • น้ำหนักเบาเพราะโครงสร้างภายในของตัวแบตฯเป็นโลหะอัลคาไลน์ที่มีน้ำหนักเบาที่สุดในโลก
  • อายุการใช้งานยาวนาน
  • ให้พลังงานสูง จ่ายไฟได้อย่างคงที่ อีกทั้งยังชาร์จได้รวดเร็ว
  • เป็นเซลล์แห้ง ไม่มีส่วนประกอบที่เป็นอันตรายต่อธรรมชาติและมนุษย์

       ข้อเสียของแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน

  • เป็นแบตเตอรี่ที่ถูกใช้งานในรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเสียเป็นส่วนใหญ่
  • ราคาสูงกว่าแบตเตอรี่ชนิดอื่นหลายเท่าตัว